การบังเกิดของพระเยซู - Birth of Jesus

ทูตสวรรค์กาเบรียล บอกข่าวเรื่องการประสูติของพระเยซูแก่นางมารีย์ ลูกา 1:26-38 – The angel Gabriel spoke to Mary about the Birth of Jesus, Luke 1:26-38

ทูตสวรรค์กาเบรียล ได้บอกนางมารีย์ว่า เธอจะตั้งครรภ์ คลอดบุตรชาย และให้ตั้งชื่อบุตรนั้นว่า เยซู และยังบอกด้วยว่า นางอลิซาเบ็ธ ลูกพี่ลูกน้องของเธอก็ตั้งครรภ์ใด้หกเดือนแล้ว นางมารีย์ ทั้ง ๆ ที่ตกใจ แต่ก็ได้ตอบทูตนั้นว่า นางเป็นทาสีของพระเจ้าผู้สูงสุด นางตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นทาสีของพระเจ้า” รากศัพท์คำว่าทาสี ในภาษากรีก หมายถึง ทาสที่ถูกมัดไว้ ในภาษาฮีบรู กาเบรียล แปลว่า พระเจ้าผู้สูงสุด พระเจ้าได้ทรงทูตสวรรค์เป็นผู้บอกข่าวแก่มนุษย์ ให้แจ้งถึงสิ่งที่พระองค์กำลังกระทำ รวมทั้งในกรณีของ อับราฮัม ดานิเอล และยอห์น ผู้เขียนพระธรรมวิวรณ์ด้วย ลูกา บทที่ 1:1-2:52 และ 3:21-38 มัทธิว บทที่ 1:1-25 และ 2:1-23   อ่านเพิ่มเติม » Read More »

ทูตสวรรค์กาเบรียลได้มาเยี่ยมนางมารีย์ ลูกา 1:39-40 – Mary got a visit from the angel Gabriel, Luke 1:39-40

นางมารีย์เข้าใจสิ่งที่ทูตสวรรค์กาเบรียลได้บอกแก่นางเรื่องการตั้งครรภ์ และทารกนั้นคือองค์พระมาซีฮา นางจึงรู้สึกตื่นเต้นตกใจ นางมารีย์จึงได้ไปเยี่ยม นางอลิซาเบธทันทีเพื่อบอกข่าวเรื่องนี้ ในภาษาฮีบรู มารีย์ มีความหมายว่า ขมขื่น โยเซฟ ได้แต่งงานกับนางมารีย์ ซึ่งให้กำหนดพระกุมารเยซู ทั้งนางมารีย์ และ โยเซฟ ต่างก็สืบเื้อสายมาจาก กษัตริย์ดาวิด ข้อมูลเพิ่มเติม: ทั้งนางมารีย์ และ โจเซฟ ผู้เป็นสามี ทั้งสองคนต่างก็มาจากเผ่ายูดาห์ ในสมัยนั้น ทั้งคู่ถือว่าได้แต่งงานกันแล้ว ตามประเพณีการจัดการของผู้ใหญ่   Read More »


นางมารีย์ได้ร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า ลูกา 1:46-56 – Mary sings a song of praise to God, Luke 1:46-56

นางมารีย์ได้ร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า ขณะไปเยี่ยมนางอลิซาเบธ บทเพลงที่นางร้องนั้นได้แสดงหรือชี้ถึงพระลักษณะของพระเจ้าแปดประการด้วยกัน มีเรียม หรือ มารีย์ ดังที่เราเรียกกันนั้น เป็นหญิงชาวยิวที่รักพระเจ้า อาศัยอยู่ในเมืองนาซาเร็ธ นางมารีย์ เป็นญาติกับนางอลิซาเบธ ทางใดนั้น เราไม่ทราบได้แน่นอน เพราะว่า อลิซาเบธ มาจากเผ่าเลวี แต่นางมารีย์ มาจากเผ่ายูดาห์ อาจเป็นได้ว่าชายหนุ่มจากเผ่าเลวีได้แต่งงานกับหญิงสาวจากเผ่ายูดาห์ ซึ่งเราได้เห็นบ่อย ครั้ง นางอลิซาเบธ จึงเป็นคนเดียวที่นางมารีย์ ไว้ใจ พูดคุยเรื่องราวต่าง ๆ ได้อย่างสนิทใจ โดยเฉพาะเรื่องการตั้งครรภ์ที่เหนือธรรมชาติ ทูตสวรรค์ของพระเจ้าได้ให้เคล็ดลับแก่นางมารีย์ โดยบอกว่า นางอลิซาเบธ ก็ได้ตั้งครรภ์หกเดือนแล้ว ข้อเท็จจริงอีกอย่างหนึ่งที่อาจเป็นได้คือ นางอลิซาเบธ อาจเป็นน้องสาวของโจเซฟ เมื่อโจเซฟ แต่งงานกับมารีย์ และหากนางมารีย์ไม่มีพี่ชาย โจเซฟ ก็จะอยู่ในฐานะบุตรบุตรธรรมของพ่อ เป็นผู้รับมรดก เพื่อส่งต่อไปยังนางมารีย์ต่อไป เพื่อที่ว่ามรดกส่วนของนางคงยังอยู่กับครอบครัว ดูเรื่อง เศโลเฟหัด - กันดารวิถี 36:1-12. ในภาษาฮีบรู มีเรียม หรือ มารีย์ มีความหม   Read More »

ทูตสวรรค์ของพระเจ้าได้ปรากฏแก่โจเซฟ ในความฝัน มัทธิว 1:18-25 – An angel of the Lord appeared to Joseph in a dream, Matthew 1:18-25

ทูตสวรรค์ของพระเจ้าได้ปรากฏแก่โจเซฟ ในความฝัน มัทธิว 1:18-25 ทูตสวรรค์ของพระเจ้าได้ปรากฏแก่โจเซฟ ในความฝัน ท่านกล่าวว่า “จงรับมารีย์ เป็นภรรยาของเจ้า” เมื่อโจเซฟตื่นขึ้น เขาก็ได้ทำตามคำของทูตสวรรค์ ด้วยเหตุนี้ นางมารีย์ จึงได้ร่วมเดินทางไปเบ็ธเลเฮม และได้ให้กำเนิดพระกุมารเยซูที่นั่น โจเซฟ ในภาษาฮีบรู แปลว่า ผู้เพิ่มพูน ในพระคัมภีร์ มีการบันทึกชื่อ โจเซฟ ครั้งแรกว่า เป็นบุตรคนที่สิบเอ็ดของยาโคบ แต่เป็นบุตรคนแรกของราเชล โจเซฟ บุตรของเจโคบ มีเสื้อคลุมสีสันสวยงาม และได้ชื่อว่าเป็นผู้รับใช้ที่มีเกียรติของพระเจ้าตลอดชีวิตของท่าน โจเซฟ สามีของนางมารีย์ จึงมีชื่อตาม โจเซฟ ผู้ถูกกล่าวถึงในพระธรรมปฐมกาลนี้   Read More »

โจเซฟ เดินทางไปเบ็ธเลเฮม 2:1-4 – Joseph Goes To Bethlehem, Luke 2:1-4

โจเซฟ พานางมารีย์ไปเบ็ธเลเฮม เพราะว่าผู้ชายทุกคนต้องเดินทางไปลงทะเบียนสำมะโนครัวที่บ้านเกิดของตนเอง เพราะโรมัน ที่ครอบครองอิสราเอลในเวลานั้นได้ออกคำสั่งให้ทุกคนต้องไปลงทะเบียน เพราะเหตุผลด้านการเก็บภาษี โรมันจัดให้มีการสำรวจสำมะโนครัว หรือ การตรวจนับจำนวนประชากรทุกสิบสี่ปี โจเซฟ ในภาษาฮีบรู มีความหมายว่า ผู้เพิ่มพูน   Read More »

นางมารีย์ เดินทางร่วมกับโยเซฟ โดยการขี่ลา ลูกา 2:5 – Mary traveled with Joseph on a donkey, Luke 2:5

ช่วงเวลาที่พระเยซูคริสต์ทรงบังเกิดนั้น ประชาชนได้เดินทางด้วยเท้า ขี่ลา ม้า หรือเกวียน การเดินทางจากนาซาเร็ธไปเบ็ธเลเฮมนั้นใช้เวลาเดินทางประมาณสี่ หรือ หกวัน ผ่านถนนที่ขรุขระ สัตว์ป่า และโจรผู้ร้าย ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย ประชาชนจึงมักจะเดินทางกันเป็นกลุ่ม ลาเป็นสัตว์ที่คนส่วนใหญ่ใช้ขนส่งสินค้าในการเดินทางสมัยนั้น และปัจจุบันยังคงใช้กันอย่างแพร่หลายในหลายประเทศด้วย คนร่ำรวยเท่านั้นที่มีม้าใช้ หรือ ใช้ในการสงครามเท่านั้น พระหัตถ์ของพระเจ้าทรงอยู่เหนือทุกสถานการณ์ แม้กระทั่งในเวลาที่โรมันแผ่อำนาจ ทรงใช้การสำรวจสำมะโนครัว เพื่อให้พระเยซูคริสต์ได้บังเกิดในเมืองเบ็ธเลเฮม พระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระมาซีฮา และ องค์พระผู้ช่วยให้รอด พระองค์ทรงเป็นผู้ที่ทำให้คำพยากรณ์ต่าง ๆ สำเร็จ มีอะไรบ้าง คุณคิดได้บ้างไหม?   Read More »

กุมารเยซู ทารกแรกเกิด ลูกา 2:6-7 และมัทธิว 1:18-25 – Jesus a newly born Baby, Luke 2:6-7 and Matthew 1:18-25

ในเมืองเต็มด้วยผู้คนมากมาย เพราะโรมออกคำสั่งให้มีการสำรวจสำมะโนครัว และอาจจะมีการฉลองเทศกาลของชาวยิวในเวลาเดียวกันด้วย สถานที่เดียวที่หาได้ สำหรับการประสูติของพระเยซู คือ โรงนา หลังจากที่พระองค์ได้บังเกิด นางมารีย์ได้ใช้ผ้าอ้อมอ่อนนุ่ม ห่อทารกน้อยแล้ววางไว้ในรางหญ้า เสมือนหนึ่งเปลน้อยของพระองค์ พระเยซูคริสต์ ได้ทรงบังเกิด สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน และทรงเป็นขึ้นใหม่ในวันที่สาม เพราะว่าพระองค์ทรงเป็นพระมาซีฮา พระบุตรของพระเจ้า และพระองค์จะเสด็จกลับมาอีกครั้งในฐานะกษัตริย์ผู้ทรงครอบครองโลก และจักรวาล ปฐมกาล 3:14-16 ได้กล่าวถึง เรื่องการบังเกิดของพระเยซู และพระธรรมวิวรณ์ ได้กล่าวถึงชัยชนะสุดท้ายของพระองค์ที่มีเหนือซาตาน พระเยซูได้ทรงบังเกิดในโรงนา พวกคนเลี้ยงแกะได้เข้าเฝ้าองค์พระกุมาร เมื่อแรกเกิด   Read More »

คนเลี้ยงแกะเฝ้าฝูงแกะอยู่กลางทุ่ง ลูกา 2:8-12 และ 2:15-20 – Shepherds keeping watch, Luke 2:8-12 and 2:15-20

ปฏิกิริยาระหว่างเหล่าทูตสวรรค์ และพวกคนเลี้ยงแกะ คนเลี้ยงแกะ เป็นกลุ่มแรกที่ได้เห็นพระเยซูคริสต์ เหตุผลที่คนเลี้ยงแกะเฝ้าฝูงแกะตอนกลางคืน และแกะเหล่านั้นจะใช้ทำอะไร เป็นประเด็นที่น่าสนใจ น่าคิดและน่าพูดถึง คนเลี้ยงแกะเฝ้าฝูงแกะกลางทุ่ง พวกเขารู้จักชื่อแกะแต่ละตัวของตนเอง และฝูงแกะก็คุ้นเคยกับเสียงของคนเลี้ยงอย่างดี ฝูงแกะเป็นฝูงเล็ก ๆ อาจมี สิบ ถึง ยี่สิบตัวเท่านั้น นอกจากว่าฝูงแกะเหล่านั้นเป็นของพระวิหาร ซึ่งจะมีขนาดใหญ่กว่า พวกคนเลี้ยงแกะ ได้ไปเฝ้าพระกุมารเยซู เมื่อแรกเกิด   Read More »



Simeon blesses Jesus, Luke 2:25-35

Simeon blesses Jesus, Luke 2:25-35






Joseph takes Jesus and Escapes to Egypt, Matthew 2:13-15

Joseph takes Jesus and Escapes to Egypt, Matthew 2:13-15